โครงการแลกเปลี่ยนวิจัยระยะสั้น Sakura Science ที่ Osaka Prefecture University ญี่ปุ่น
วันพฤหัสที่ 16 พฤศจิกายน 2560
หลังจากการรอขึ้นเครื่องที่แสนยาวนาน ตั้งแต่ 4 ทุ่มของวันพุธ (ไปรอที่สนามบินเพราะไม่มีรถบัสจากพัทยาไปช่วงเช้าและไม่ได้จองโรงแรมไว้) ช่วงเช้า 7 โมงเช้าก็ถึงเวลานัดเจอกันกับอาจารย์และเพื่อนๆร่วมเดินทาง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางสู่ญี่ปุ่นครั้งแรกของทุกคน (ยกเว้นอาจารย์ที่ดูแล) เราจึงตื่นเต้นกันมากที่จะได้ไปสัมผัสญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ทุกอย่างในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นไปอย่างราบรื่นดี เราเดินทางกันด้วยเครื่องบินของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราจะได้เห็นมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นกันจริง ๆ เราออกเดินทางกันแต่เช้าโดยรถโดยสารจากหน้าโรงแรมถึงหน้ามหาวิทยาลัยเลย บ้านเมืองเขาสะอาดจริง ๆ หลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้ว และประทับใจยิ่งกว่านั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประดับธงชาติไทยคู่กับธงชาติญี่ปุ่นตรงประตูเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อต้อนรับพวกเราอีกด้วย
วันแรกก็มีการต้อนรับและบรรยายแนะนำมหาวิทยาลัย OPU และนำเที่ยวชมรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ซึ่งตามความเป็นจริงวันเดียวก็เดินไม่หมด เพราะมหาวิทยาลัยมีพื้นที่ใหญ่มาก อาจารย์ผู้ดูแลหลักของงานนี้ที่ตามติดเราไปด้วยในวันที่ท่านว่างคือ ผศ.ดร.เรียวสุเกะ ซากะ ที่แรกที่เราได้เข้าเยี่ยมชมคือ โรงงานวิจัยการปลูกพืชด้วยระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ เจ้าหน้าที่อธิบายว่า นอกจากจะเป็นระบบอัตโนมัติแล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน น้ำที่ใช้ปลูกสามารถให้ปลาว่ายเล่นได้อย่างปลอดภัย หายห่วง โรงงานนี้ได้ทำวิจัยมาก่อนที่จะก่อสร้าง ซึ่งใช้เวลาวิจัยประมาณ 4 ปี ถึงจะได้เริ่มทำโรงงานและปลูกจริง นอกจากนั้นยังมีผักปลอดสารพิษให้ลองซื้อทานด้วย
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เปรียบเสมือนเป็นวันหยุด พวกเราก็เลยได้เที่ยวทั่วเมืองโอซากากัน โดยทางโครงการซื้อบัตร One Day Pass Osaka ให้ทำให้เราสามารถนั่งรถขนส่งสาธารณะและเข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้ทั่วเมืองเลย ช่วงเช้าเราเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดสมัยเก่า ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ พอช่วงบ่ายเราก็ไปปราสาทโอซากากัน เป็นปราสาทซึ่งสร้างใหม่จำลองปราสาทเดิมในสมัยก่อน ตัวปราสาทมีขนาดใหญ่โต เราไปกันวันเสาร์เลยทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่อแถวรอขึ้นปราสาท ตัวปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น เราก็เดินขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนแล้วก็ลงกันมา จากนั้นก็ได้ไปสวนสัตว์ประจำเมือง มีสัตว์เหมือนกับบ้านเรา แต่น่าสงสารที่สัตว์บางตัวหนาวและไม่มีอะไรให้ความอบอุ่นแก่มัน
ตอนเย็นเราก็ได้ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ Hankyu Entertainment Park หรือ HEP Five ที่มองโอซาการอบเมืองได้ 360 องศาเลยทีเดียว วันนี้เราได้ไปเดินย่านนัมบะกันด้วย นัมบะเป็นย่านการค้า ศูนย์คมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งในโอซากา และมีป้ายไฟกูลิโกะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560
วันนี้ทาง OPU พาเราไปท่องเที่ยวเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ โอซากาและมีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง นั่นคือ เกียวโต เมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่มีวัดมากมาย เราต้องนั่งรถไฟกันไปแต่เช้าเพราะว่าเป็นการเดินทางระหว่างเมือง วัดแรกที่ไปกัน คือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ วัดเสาแดง ซึ่งชื่อวัดก็ได้รับจากการที่มีคนที่ศรัทธามาบริจาคเงินสร้างเสาเพื่อส่งเสริม ค้ำชูหน้าที่การงานและกิจการ แต่เราก็ไม่ได้เดินขึ้นไปจนสุดทางเพราะมีเวลาไม่มากนัก
วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เราได้เยี่ยมชมห้องวิจัย 2 แห่ง คือ ห้องวิจัย AI สำหรับการศึกษา ของ อ.เซตะ ที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อมาช่วยด้านการวิเคราะห์การอ่านบทความวิชาการของผู้เชียวชาญ และ การวัดผลทางอารมณ์เมื่อนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสอนภาษาอังกฤษ
และอีกห้องวิจัยหนึ่ง เป็นห้องวิจัยของ อ.นากาชิมะ ซึ่งมีงานวิจัยเกี่ยวกับ การแข่งขันฟุตบอลโดยใช้ AI ที่เรียกว่า Robo Cup ซึ่งทีมของ อ.นากาชิมะเป็นแชมป์มาหลายสมัย และล่าสุดปี 2017 ก็ได้แชมป์มาอีกเช่นกัน อีกงานวิจัยคือระบบจำลองการสนทนากับผู้ป่วยทางสมอง เพื่อใช้ในการฝึกนักศึกษาพยาบาลในมหาวิทยาลัย และสุดท้ายเป็นงานวิจัยตรวจจับผู้บุกรุกโดยใช้โดรนอัตโนมัติ
ช่วงบ่ายเรามีเวิร์คชอปการใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยให้นักศึกษาแบ่งเป็นกลุ่มแต่ละกลุ่มจะมีทั้งนักศึกษาไทยและนักศึกษาญี่ปุ่น กลุ่มของผมมีนักศึกษาจีนที่ศึกษาอยู่ที่ OPU มาร่วมทำเวิร์คชอปด้วย โจทย์คือให้แต่ละกลุ่มคิดผลิตภัณฑ์มาหนึ่งผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งของทั่วไป ไม่ยากไม่ง่าย และให้มานั่งวิเคราะห์คุณสมบัติที่ควรจะมีในแต่ละผลิตภัณฑ์ นำมาเปรียบเทียบว่าประเทศไหนให้ความสำคัญกับคุณสมบัติไหนตามลำดับ แล้วให้เปรียบเทียบอธิบายความแตกต่าง ถ้ามีเวลาก็ให้คิดเทคโนโลยีที่เอามาเพิ่มเติมได้ สุดท้ายอาจารย์ก็สรุปว่า หลายๆกลุ่มสามารถคิดเทคโนโลยีใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ แต่ละเลยคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรจะคิดก่อนเพิ่มหรือเสริมอะไรเข้ามาใหม่
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560
ช่วงเช้าเราได้เข้าพบอธิการบดีของ OPU ที่ให้การต้อนรับเป็นการส่วนตัวอย่างอบอุ่น และท่านอธิการบดีได้ชวนเข้ามาทำสหกิจหรือเรียนต่อที่ OPU อีกด้วย
หลังจากนั้นเราได้เข้าไปดูอีกหนึ่งห้องวิจัยที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีบลูทูธมาวิเคราะห์พฤติกรรมการเดินซื้อของของลูกค้า ซึ่งเป็นการเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเรื่องวิเคราะห์การตลาดเพื่อจัดวางสินค้าให้น่าสนใจและเพิ่มยอดขาย
ตอนบ่ายก็มีอีกหนึ่งเวิร์คชอป เกี่ยวการกับเป็นผู้ประกอบการให้คิดนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในโลกยุคปัจจุบัน
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560
วันพุธเรามีดูงานที่นอกสถานที่ NEC Innovation World ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่รวมนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของโลกไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับและปลดล็อกโดยใช้ใบหน้า หรือ ช่องหู การตรวจจับสายตาการจดจ้องสินค้า การประเมินอายุจากรูปร่างหน้าตาโดยระบบวิเคราะห์ของคอมพิวเตอร์
ถัดมาเราไปต่อยังอาคาร Knowledge Capital อาคาร Co-working Space ที่รวบรวมบริษัทสตาร์ทอัพไว้ด้วยการบริการพื้นที่การทำงาน เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เอื้อยอำนวยต่อการพัฒนาธุรกิจ หลายบริษัทเติบโตมาจากอาคารแห่งนี้
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560
ตอนเช้าเรามีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมร้านตีดาบแบบโบราณของญี่ปุ่นชื่อว่า Sasuke Blacksmith ทางร้านได้อธิบายและสาธิตวิธีการตีดาบ ตั้งแต่เริ่มมีแท่งเหล็ก จน หลอมขึ้นรูปและลับคมจนนำไปใช้งานได้ และให้เราได้ลองใช้มีดที่ทางร้านตีขึ้นเองว่ามีความคมแค่ไหน


ช่วงบ่ายเราได้เยี่ยม OPU I-Site ซึ่งเป็นวิทยาเขตหนึ่งของ OPU ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซากา ที่ย่านนัมบะ เป็นที่ตั้งของคณะนิเทศศาสตร์และห้องสมุดประชาชนที่ดูแลโดยคณะนี้
และปิดท้ายด้วยการเรียนทำเส้นอูด้งตั้งแต่การนวดแป้งอย่างไรให้เส้นเหนียวนุ่ม ไปจนถึงการต้มตามขนาดของเส้น ซึ่งเมื่อเรียนจบเราก็ได้ลองชิมเส้นอูด้งกับน้ำซุปพิเศษที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้


วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560
วันก่อนวันสุดท้าย ช่วงเช้าเรามีการรวมกลุ่มเพื่อทำงานนำเสนอตอนบ่าย ให้แต่ละกลุ่มสรุปถึงแง่มุมต่าง ๆ ของโครงการแลกเปลี่ยนนี้ จากหลายวันที่เราได้ไปมา ความประทับใจ ความตื่นเต้นกับครั้งแรกที่ญี่ปุ่น และนำเสนอสิ่งที่ OPU และ TNI สามารถพัฒนาร่วมกันได้ในอนาคต ซึ่งช่วงบ่ายเราก็นำเสนอและจบการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และมีการมอบประกาศนียบัตรเข้าร่วมโครงการนี้พร้อมของที่ระลึกด้วย
เราต้องตื่นเช้ากันในวันนี้เพื่อเดินทางไปยังสนามบินอิตามิเพื่อไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮาเนดะและบินกลับประเทศไทย
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัย Osaka Prefecture University และโครงการ Sakura Science ที่มอบโอกาสและประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้ ทั้งความประทับในใจประเทศญี่ปุ่น ผู้คนที่มีระเบียบแต่แฝงไปด้วยความโอบอ้อมอารี พร้อมที่จะช่วยเหลือคนต่างบ้านต่างเมือง อีกทั้งยังได้ความรู้ในแง่มุมใหม่ ๆ ได้เรียนรู้งานวิจัยที่น่าสนใจเพื่อนำไปต่อยอดความคิด ได้เรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมที่แปลกใหม่น่าสนใจ ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่มอบให้ครับ
หลังจากการรอขึ้นเครื่องที่แสนยาวนาน ตั้งแต่ 4 ทุ่มของวันพุธ (ไปรอที่สนามบินเพราะไม่มีรถบัสจากพัทยาไปช่วงเช้าและไม่ได้จองโรงแรมไว้) ช่วงเช้า 7 โมงเช้าก็ถึงเวลานัดเจอกันกับอาจารย์และเพื่อนๆร่วมเดินทาง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางสู่ญี่ปุ่นครั้งแรกของทุกคน (ยกเว้นอาจารย์ที่ดูแล) เราจึงตื่นเต้นกันมากที่จะได้ไปสัมผัสญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ทุกอย่างในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นไปอย่างราบรื่นดี เราเดินทางกันด้วยเครื่องบินของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์
เริ่มออกเดินทางเวลา 9:55 น. สู่สนามบินฮาเนดะ 17:30 น. แล้วเปลี่ยนเครื่องบินไปสู่สนามบินอิตามิ เมืองโอซากา เวลา 19:00 น. ซึ่งจะถึงโอซากาเวลาประมาณ 20:20 น. แต่เดินทางไปถึงกันจริง ๆ ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนเครื่องบินจากเที่ยวบินต่างประเทศเป็นเที่ยวบินในประเทศ ผู้โดยสารจะต้องรอรับกระเป๋าแล้วไปเช็คอินอีกรอบและเราเดินทางกันทั้งหมด 11 คน ทำให้เสียเวลา และการเปลี่ยนเครื่อง 1 ชั่วโมงครึ่งเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่เจ้าหน้าที่สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ได้เตรียมเจ้าหน้าที่คนไทยไว้ที่สนามบินฮาเนดะคอยอำนวยความสะดวกและมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเป็นอย่างดีเยี่ยม สุดท้ายเราก็ตกเที่ยวบินเดิมโดยได้ขึ้นเที่ยวบินถัดมาซึ่งช้ากว่ากำหนดการ 30 นาที
แต่แล้วเมื่อเราขึ้นเครื่องบินเจ้าหน้าที่บนเครื่องได้พบกระเป๋าต้องสงสัยบนเครื่องก่อนบิน ซึ่งหาเจ้าของไม่พบ ทางกัปตันเครื่องบินจึงต้องขับเครื่องบินวกกลับเนื่องจากเครื่องบินได้ออกมาจะถึงรันเวย์อยู่แล้วซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้าไปกว่ากำหนดการหลายนาที แต่เราก็เจอเซอร์ไพรสซ้ำเข้าไปอีก เนื่องจากก่อนลงกัปตันเครื่องแจ้งว่าเราจะลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ ไม่ใช่สนามบินอิตามิ เราต้องรีบแจ้งคนที่มารอรับจาก Osaka Prefecture University (OPU) ว่าเราถูกเปลี่ยนที่หมายปลายทาง ซึ่งทำให้ต้องรอเจ้าหน้าที่มารับนานขึ้นไปอีก แต่สายการบินก็ไม่ได้ทิ้งเราไว้กลางทางเพียงเดียวดาย ยังแถมเงินเรียกขวัญอีกเป็นจำนวน 2,000 เยน เป็นค่ารถเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายของตนเอง เราจึงนำไปหาอะไรทานกัน โดยมื้อแรกผมได้ทานข้าวหน้าเนื้อไข่ดิบที่เป็นปณิธานแรกของผมที่อยากลองไข่ดิบญี่ปุ่นว่ามันไม่คาวจริง ๆ ตามที่เขาว่ากันไว้หรือเปล่า เนื่องจากความหิวและความอร่อยก็หมดไปโดยพริบตา เราได้ลองน้ำเปล่ารสชานมที่เขาแชร์กันในเฟซบุ๊กว่าน่าลองด้วย
แต่สุดท้ายเราก็เจอคนที่มารับไปยังที่พัก เขาเป็นนักศึกษาไทยซึ่งเป็นนักศึกษาเก่าของ Thai-Nichi Institute of Technology (TNI) อีกด้วย แล้วพวกเราก็เขาห้องพักของตนเองเพื่อลุยในวันพรุ่งนี้ต่อ
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราจะได้เห็นมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นกันจริง ๆ เราออกเดินทางกันแต่เช้าโดยรถโดยสารจากหน้าโรงแรมถึงหน้ามหาวิทยาลัยเลย บ้านเมืองเขาสะอาดจริง ๆ หลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้ว และประทับใจยิ่งกว่านั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประดับธงชาติไทยคู่กับธงชาติญี่ปุ่นตรงประตูเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อต้อนรับพวกเราอีกด้วย
วันแรกก็มีการต้อนรับและบรรยายแนะนำมหาวิทยาลัย OPU และนำเที่ยวชมรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ซึ่งตามความเป็นจริงวันเดียวก็เดินไม่หมด เพราะมหาวิทยาลัยมีพื้นที่ใหญ่มาก อาจารย์ผู้ดูแลหลักของงานนี้ที่ตามติดเราไปด้วยในวันที่ท่านว่างคือ ผศ.ดร.เรียวสุเกะ ซากะ ที่แรกที่เราได้เข้าเยี่ยมชมคือ โรงงานวิจัยการปลูกพืชด้วยระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ เจ้าหน้าที่อธิบายว่า นอกจากจะเป็นระบบอัตโนมัติแล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน น้ำที่ใช้ปลูกสามารถให้ปลาว่ายเล่นได้อย่างปลอดภัย หายห่วง โรงงานนี้ได้ทำวิจัยมาก่อนที่จะก่อสร้าง ซึ่งใช้เวลาวิจัยประมาณ 4 ปี ถึงจะได้เริ่มทำโรงงานและปลูกจริง นอกจากนั้นยังมีผักปลอดสารพิษให้ลองซื้อทานด้วย
นอกจากนั้นทาง OPU ก็ให้ทาง TNI นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจจากประเทศไทยบ้าง เราก็เสนอข้อมูลเปรียบเทียบความต่างระหว่างญี่ปุ่นและไทยซึ่งมีการพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และได้เข้าเยี่ยมชมห้องวิจัยของ อ.ซากะ ซึ่งเกี่ยวกับการใช้วิทยาการข้อมูล (Data Science) ใน Service Science ที่เน้นการทำ Data Visualisation ในงานบริการโรงแรม ตอนค่ำเราก็ไปงานเลี้ยงต้อนรับกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เปรียบเสมือนเป็นวันหยุด พวกเราก็เลยได้เที่ยวทั่วเมืองโอซากากัน โดยทางโครงการซื้อบัตร One Day Pass Osaka ให้ทำให้เราสามารถนั่งรถขนส่งสาธารณะและเข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้ทั่วเมืองเลย ช่วงเช้าเราเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดสมัยเก่า ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ พอช่วงบ่ายเราก็ไปปราสาทโอซากากัน เป็นปราสาทซึ่งสร้างใหม่จำลองปราสาทเดิมในสมัยก่อน ตัวปราสาทมีขนาดใหญ่โต เราไปกันวันเสาร์เลยทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่อแถวรอขึ้นปราสาท ตัวปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น เราก็เดินขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนแล้วก็ลงกันมา จากนั้นก็ได้ไปสวนสัตว์ประจำเมือง มีสัตว์เหมือนกับบ้านเรา แต่น่าสงสารที่สัตว์บางตัวหนาวและไม่มีอะไรให้ความอบอุ่นแก่มัน
ตอนเย็นเราก็ได้ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ Hankyu Entertainment Park หรือ HEP Five ที่มองโอซาการอบเมืองได้ 360 องศาเลยทีเดียว วันนี้เราได้ไปเดินย่านนัมบะกันด้วย นัมบะเป็นย่านการค้า ศูนย์คมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งในโอซากา และมีป้ายไฟกูลิโกะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560
วันนี้ทาง OPU พาเราไปท่องเที่ยวเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ โอซากาและมีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง นั่นคือ เกียวโต เมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่มีวัดมากมาย เราต้องนั่งรถไฟกันไปแต่เช้าเพราะว่าเป็นการเดินทางระหว่างเมือง วัดแรกที่ไปกัน คือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ วัดเสาแดง ซึ่งชื่อวัดก็ได้รับจากการที่มีคนที่ศรัทธามาบริจาคเงินสร้างเสาเพื่อส่งเสริม ค้ำชูหน้าที่การงานและกิจการ แต่เราก็ไม่ได้เดินขึ้นไปจนสุดทางเพราะมีเวลาไม่มากนัก
วัดต่อมา คือวัดคิโยมิสึ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเกียวโต เป็นมรดกโลก อายุกว่า 1,200 ปี ชื่อของวัดมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด และมีคนเยอะแยะมากมายเช่นเดิมเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์และเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาดูความงามของธรรมชาติและสมบัติชาติของญี่ปุ่นที่วัดนี้ เนื่องจากวัดนี้มีน้ำใสไหลผ่าน จึงมีคนมาขอพรให้สุขภาพดี มีความเฉลียวฉลาด และมีความรักที่สมหวัง และดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ตามคำอธิฐานของเรา
วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560
วันนี้เราได้เยี่ยมชมห้องวิจัย 2 แห่ง คือ ห้องวิจัย AI สำหรับการศึกษา ของ อ.เซตะ ที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อมาช่วยด้านการวิเคราะห์การอ่านบทความวิชาการของผู้เชียวชาญ และ การวัดผลทางอารมณ์เมื่อนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสอนภาษาอังกฤษ
และอีกห้องวิจัยหนึ่ง เป็นห้องวิจัยของ อ.นากาชิมะ ซึ่งมีงานวิจัยเกี่ยวกับ การแข่งขันฟุตบอลโดยใช้ AI ที่เรียกว่า Robo Cup ซึ่งทีมของ อ.นากาชิมะเป็นแชมป์มาหลายสมัย และล่าสุดปี 2017 ก็ได้แชมป์มาอีกเช่นกัน อีกงานวิจัยคือระบบจำลองการสนทนากับผู้ป่วยทางสมอง เพื่อใช้ในการฝึกนักศึกษาพยาบาลในมหาวิทยาลัย และสุดท้ายเป็นงานวิจัยตรวจจับผู้บุกรุกโดยใช้โดรนอัตโนมัติ
ช่วงบ่ายเรามีเวิร์คชอปการใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยให้นักศึกษาแบ่งเป็นกลุ่มแต่ละกลุ่มจะมีทั้งนักศึกษาไทยและนักศึกษาญี่ปุ่น กลุ่มของผมมีนักศึกษาจีนที่ศึกษาอยู่ที่ OPU มาร่วมทำเวิร์คชอปด้วย โจทย์คือให้แต่ละกลุ่มคิดผลิตภัณฑ์มาหนึ่งผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งของทั่วไป ไม่ยากไม่ง่าย และให้มานั่งวิเคราะห์คุณสมบัติที่ควรจะมีในแต่ละผลิตภัณฑ์ นำมาเปรียบเทียบว่าประเทศไหนให้ความสำคัญกับคุณสมบัติไหนตามลำดับ แล้วให้เปรียบเทียบอธิบายความแตกต่าง ถ้ามีเวลาก็ให้คิดเทคโนโลยีที่เอามาเพิ่มเติมได้ สุดท้ายอาจารย์ก็สรุปว่า หลายๆกลุ่มสามารถคิดเทคโนโลยีใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ แต่ละเลยคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรจะคิดก่อนเพิ่มหรือเสริมอะไรเข้ามาใหม่
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560
ช่วงเช้าเราได้เข้าพบอธิการบดีของ OPU ที่ให้การต้อนรับเป็นการส่วนตัวอย่างอบอุ่น และท่านอธิการบดีได้ชวนเข้ามาทำสหกิจหรือเรียนต่อที่ OPU อีกด้วย
หลังจากนั้นเราได้เข้าไปดูอีกหนึ่งห้องวิจัยที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีบลูทูธมาวิเคราะห์พฤติกรรมการเดินซื้อของของลูกค้า ซึ่งเป็นการเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเรื่องวิเคราะห์การตลาดเพื่อจัดวางสินค้าให้น่าสนใจและเพิ่มยอดขาย
ตอนบ่ายก็มีอีกหนึ่งเวิร์คชอป เกี่ยวการกับเป็นผู้ประกอบการให้คิดนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในโลกยุคปัจจุบัน
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560
วันพุธเรามีดูงานที่นอกสถานที่ NEC Innovation World ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่รวมนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของโลกไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับและปลดล็อกโดยใช้ใบหน้า หรือ ช่องหู การตรวจจับสายตาการจดจ้องสินค้า การประเมินอายุจากรูปร่างหน้าตาโดยระบบวิเคราะห์ของคอมพิวเตอร์
ถัดมาเราไปต่อยังอาคาร Knowledge Capital อาคาร Co-working Space ที่รวบรวมบริษัทสตาร์ทอัพไว้ด้วยการบริการพื้นที่การทำงาน เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เอื้อยอำนวยต่อการพัฒนาธุรกิจ หลายบริษัทเติบโตมาจากอาคารแห่งนี้
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560
ตอนเช้าเรามีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมร้านตีดาบแบบโบราณของญี่ปุ่นชื่อว่า Sasuke Blacksmith ทางร้านได้อธิบายและสาธิตวิธีการตีดาบ ตั้งแต่เริ่มมีแท่งเหล็ก จน หลอมขึ้นรูปและลับคมจนนำไปใช้งานได้ และให้เราได้ลองใช้มีดที่ทางร้านตีขึ้นเองว่ามีความคมแค่ไหน
ช่วงบ่ายเราได้เยี่ยม OPU I-Site ซึ่งเป็นวิทยาเขตหนึ่งของ OPU ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซากา ที่ย่านนัมบะ เป็นที่ตั้งของคณะนิเทศศาสตร์และห้องสมุดประชาชนที่ดูแลโดยคณะนี้
และปิดท้ายด้วยการเรียนทำเส้นอูด้งตั้งแต่การนวดแป้งอย่างไรให้เส้นเหนียวนุ่ม ไปจนถึงการต้มตามขนาดของเส้น ซึ่งเมื่อเรียนจบเราก็ได้ลองชิมเส้นอูด้งกับน้ำซุปพิเศษที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้
วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560
วันก่อนวันสุดท้าย ช่วงเช้าเรามีการรวมกลุ่มเพื่อทำงานนำเสนอตอนบ่าย ให้แต่ละกลุ่มสรุปถึงแง่มุมต่าง ๆ ของโครงการแลกเปลี่ยนนี้ จากหลายวันที่เราได้ไปมา ความประทับใจ ความตื่นเต้นกับครั้งแรกที่ญี่ปุ่น และนำเสนอสิ่งที่ OPU และ TNI สามารถพัฒนาร่วมกันได้ในอนาคต ซึ่งช่วงบ่ายเราก็นำเสนอและจบการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และมีการมอบประกาศนียบัตรเข้าร่วมโครงการนี้พร้อมของที่ระลึกด้วย
ช่วงค่ำทางมหาวิทยาลัยได้จัดงานเลี้ยงส่งท้ายซึ่งอาจารย์และนักศึกษา OPU จากหลากหลายห้องวิจัยก็ได้เข้าร่วมส่งท้ายกับเราด้วย
วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2560
เราต้องตื่นเช้ากันในวันนี้เพื่อเดินทางไปยังสนามบินอิตามิเพื่อไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮาเนดะและบินกลับประเทศไทย
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัย Osaka Prefecture University และโครงการ Sakura Science ที่มอบโอกาสและประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้ ทั้งความประทับในใจประเทศญี่ปุ่น ผู้คนที่มีระเบียบแต่แฝงไปด้วยความโอบอ้อมอารี พร้อมที่จะช่วยเหลือคนต่างบ้านต่างเมือง อีกทั้งยังได้ความรู้ในแง่มุมใหม่ ๆ ได้เรียนรู้งานวิจัยที่น่าสนใจเพื่อนำไปต่อยอดความคิด ได้เรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมที่แปลกใหม่น่าสนใจ ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่มอบให้ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น